ติดตามอัพเดทบทความสุขภาพได้ทาง Facebook โดยกดถูกใจ ของช่อง Facebook ทางด้านขวาของเวปไซด์ได้นะครับ

ตั้งแต่เดือน กรกฏาคม 2555 เป็นต้นไป จะทำการอัพเดทความความรู้สุขภาพที่เวปไซด์ใหม่ของเราที่
www.Thaihealthwellness.com
ยังไงก็ติดตามกันไปเยอะๆนะครับ ^^

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ไขความลับคอลลาเจนที่ควรรู้ (2) : เทรนด์ฮิตคอลลาเจน

ไขความลับคอลลาเจนที่ควรรู้ (1) : คอลลาเจนคืออะไร
เครื่องสำอางค์กับคอลลาเจน
จากบทความที่แล้วเราก็ทราบไปแล้วว่าคอลลาเจนคืออะไร ด้วยคุณสมบัตินานัปการ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยในยุกปัจจุบันทำให้สามารถสังเคราะห์คอลลาเจนจากสัตว์ได้แล้ว โดยมีคุณสมบัติคล้ายกับคอลลาเจนของคน โดยสามารถนำมาใช้ได้ในด้านต่างๆ


คอลลาเจนกับการแพทย์
 ปัจจุบันคอลลาเจนถูกนำมาใช้หลายจุดประสงค์ โดยเฉพาะการศัลยกรรมแผลและเสริมความงามโดยรูปแบบของการฉีด โดยแพทย์จะฉีดคอลลาเจนเพื่อเติมแผลให้เต็ม เช้นผู้ป่วยที่เกิดอุบัติเหตุ หรือแผลจากไฟไหม้ นอกจากนี้ยังใช้ในการทำผิวหนังเทียมเพื่อทดแทนผิวหนังแท้ที่สูญเสียไป หรือใช้ในการปกปิดแผล ส่วนในด้านเสริมความงามมักฉีดคอลลาเจนเพื่อแก้ไขส่วนที่ต้องการเช่น เพิ่มริมฝีปาก หรือแก้มอวบอิ่ม ลดริ้วรอย ตีนกา เป็นต้น




คอลลาเจนกับเครื่องสำอางค์
 คอลลาเจนเป็นสารที่อนุญาตให้ใช้ในเครื่องสำอางค์เพราะถือว่าปลอดภัย มักเป็นส่วนผสมในครีมบำรุงผิวและผม แป้งรองพื้น แต่เพียงช่วยปกปิดของร่างกายเท่านั้น ไม่สามารถแก้ไขโครงสร้างของคอลลาเจนภายในได้ คอลลาเจนมีคุณสมบัติช่วยอุ้มน้ำ จึงช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื่น แต่คอลลาเจนในเครื่องสำอางค์มักมีโมเลกุลใหญ่จึงเคลือบได้เพียงภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถซึมลงผิวหนังเพื่อลงมาทดแทน หรือกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนธรรมชาติได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น




คอลลาเจนกับอาหาร
คอลลาเจนที่ใช้ในอุตสาหากรรมอาหาร จะเป็นวุ้นๆที่เราเรียกว่าเจลาติน แต่ที่กำลังนิยมคือการนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยปัจจุบันในประเทศไทยจะพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผสมคอลลาเจนสังเคราะห์หลายชนิด ไม่ว่าคอลลาเจนผง คอลลาเจนเม็ด เครื่องดื่มคอลลาเจนเป็นต้น โดย อย.ได้อนุญาตให้ใส่คอลลาเจนลงในอาหารได้ แต่ไม่อนุญาติให้กล่าวอ้างสรรพคุณ เนื่องจากไม่สามารถพิสูจน์ผลในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ชัดเจน!

คอลลาเจนเป็นสารที่คนเกิดแพ้ง่าย ดังนั้นเวลาใช้ควรจะศึกษาให้ดีและทำการทดสอบการแพ้ก่อนด้วย
เพื่อให้ได้รับประโยชน์และความคุ้มค่าต่อการใช้มากที่สุด

เครดิตข้อมูลจากหนังสือชีวจิต ฉบับวันที่ 1 ตุลาคมนะครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น