ติดตามอัพเดทบทความสุขภาพได้ทาง Facebook โดยกดถูกใจ ของช่อง Facebook ทางด้านขวาของเวปไซด์ได้นะครับ

ตั้งแต่เดือน กรกฏาคม 2555 เป็นต้นไป จะทำการอัพเดทความความรู้สุขภาพที่เวปไซด์ใหม่ของเราที่
www.Thaihealthwellness.com
ยังไงก็ติดตามกันไปเยอะๆนะครับ ^^

วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554

อันตรายจากการใช้ยาแก้แพ้

หลังจากห่างหายไม่ได้เข้ามาอัพข่าวคราวเลยเนื่องจากติดภารกิจทางด้านการเรียนและกะลังเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ด้วย เวลาจะมาแตะคอมก็แทบไม่มี เวลาพักผ่อนก็น้อยลง ทำให้ผื่นลมพิษที่มักจะเป็นตอนที่ร่างกายอ่อนแอและอากาศเปลี่ยนแปลง รวมถึงน้ำมูกที่มักจะไหลเป็นประจำ (เป็นภูมิแพ้ ไม่ว่าทั้งแพ้ผุ่นและแพ้อากาศ) สิ่งที่จะช่วยระงับอาการเหล่านี้ได้ก็คือ ยาแก้แพ้

ยาแก้แพ้ จะเป็นยาที่มีสารจำพวก แอนตี้ฮีสตามีน (Antihistamine) โดยร่างกายของเราจะขับสารที่ชื่อว่า Histamine ขึ้นมาเมื่อได้รับสารหรือการระคายเคือง โดยสาร Histamine นี้จะทำให้เกิดอาการ บวม แดง และคันเป็นผดผื่นขึ้นมา

ยาแก้แพ้นี้เราสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ชนิดที่เราคงได้เจอบ่อยก้คงเป็นยาเม็ดเหลืองๆเล็กๆ หรือหลายๆคนเรียกว่ายาลดน้ำมูกนั่นเอง ซึ่งยาชนิดนี้ก็เป็นยาที่ผมมักจะกินเป็นประจำ


เมื่อไม่นานมานี้มีงานวิจัยหนึ่งระบุว่า กลุ่มผู้ใช้ยาต้านฮีสตามีน เมื่อใช้ยาเป็นระยะเวลานานๆจะส่งผลให้มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เพราะยาต้านฮีสตามีนจะกระตุ้นฮีสตามีนชนิดตัวจับที่มีในร่างกายตามธรรมชาติ ซึ่งไอ้ตัวจับนี่แหล่ะมันมีอยู่ 2 ชนิดคือ ชนิด H1 จะอยู่ตามกล้ามเนื้อปกติ และแบบ H2 ซึ่งจะอยู่ตามเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งเวลายาต้านฮีสตามีนทำงานมันดันไปกระตุ้นตัวจับทั้ง 2 แบบ ซึ่งตัวจับแบบ H2 จะทำให้เกิดการเร่งการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร เกิดการหลั่งน้ำย่อยบ่อยๆ จึงทำให้เกิดความอยากอาหารมากขึ้นด้วย ดังนั้นผู้ใช้ยาเป็นเวลานานจึงมีแนวโน้มที่จะได้รับอาหารเกินความต้องการของร่างกาย อีกทั้งทำให้กระบวนการเผาผลาญไขมันทำงานไม่เต็มที่อีกด้วย




ผลข้างเคียงนี้ส่งผลทำให้เป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดโรคอ้วน และ เบาหวานได้ต่อไปได้ ดังนั้น อีกทั้งยาจำพวกยาแก้แพ้ยังทำให้เกิดอาการง่วง และ เพลียได้อีกด้วย ดังนั้นเวลาทานยาประเภทนี้แล้ว ไม่ควรทำงานใกล้เครื่องจักร หรือ ขับยานพาหนะ เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และเวลาทานยานี้จะทำให้เกิดอาการคอแห้งและเจ็บคอได้อีกด้วย

อีกทั้งการป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข หากไม่อยากเสี่ยงกับผลข้างเคียงก็หาวิธีป้องกันทำให้ภูมิต้านทานแข็งแรงเพื่อที่จะไม่เกิดภูมิแพ้ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และ ทานอาหารที่มีประโยชน์รวมไปถึงกลุ่มวิตามิน C ที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันอย่างเพียงพอในแต่ละวัน และพักผ่อนอย่างเพียงพอ

1 ความคิดเห็น: